วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

My reading challenge 2016...


สวัสดีปี 2016

....มีความลากยาวมาถึงเดือน ต.ค. เลยทีเดียว..


จะอัพไรล่ะ ลืมมมมมม ฮาาาาาาาาาาาาาาาา



ความจริงควรอัพ ภาคต่อของทริป Japan 1st time ม่ะ...???

.
.
ไม่ค่ะ  เพราะเราลืมข้อมูลไปแล้ว.../โดนถรีบ


ช่วงที่หายไป มีหลายทริปเกิดขึ้นเหมือนกันนะ ทริปไปฮัจย์ ฮ่องกง แต่เราไม่อัพล่ะ ลืม55555

วันนี้จะมาอัพหนังสือบ้าง เพราะปีนี้เราตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนักมาก จนแม่บ่น...

สาเหตุมาจากว่างและไม่ได้ไปลัลล้าที่ไหน ..อ๋อ เลิกติ่งไอดอลแล้วด้วย(?) 555555555555555555



แต่ทำได้อยู่พักหนึ่ง ก็ติดเรียนล่ะ...



เกริ่นมายาว จริงๆ  วันก่อนเพิ่งไปอัพเดตเป้าหมายการอ่านหนังสือใน goodreads มา เลยว่า มาอัพบล็อกจากที่ ดราฟ์ไว้ดีกว่า...

ค่ะ สำหรับปี 2016 ดิชั้นก็เผลอลั่นไปว่า...

ปีนี้จะอ่านหนังสือ 50 เล่ม

ใช่แล้ว ... 5 0  เล่ม!!!


ตอนนี้หรอ?...เดือน ตุลาแล้ว... อ่านไปแค่

  23 เล่ม จ้าาาาาาาาาาาา 555555555555555555







ยังไม่ได้ครึ่งทางเลยย...


เอาเถอะ จริงๆ ได้ 30 เล่มก็คอมพลีสล่ะ (ถึงม่ะ?)


คือนับรวมกับหนังสือปีนี้ที่ซื้อมา(และยังดองอยู่) กับที่สั่งไปรอบใหม่ (หนังสือใหม่ช่วงงานมหกรรม)

หนังสือเราทะลุเป้าแน่ๆ...แต่จะอ่านจบไหมนั้น อีกเรื่อง...


ช่วงต้นปีนี่ เรามาเก็บแต้มกับ หนังสือ GOT  เพราะว่า ต้นเมษา ซีรีส์ ซีซั่นใหม่กำลังจะมา..และเราก็กลัวโดนสปอยด์

ความจริง โดยมาตั้งแต่ ซีซั้น 5 แล้ว...5555555


เลยอ่านเล่ม 4.2 จบสักที! อำลาความน่าเบื่อของเซอร์ซี่.. (แต่หลังๆเล่ม 4.2 สนุกมาก...)



A feast for crows กาดำสำราญเลือด 4.2

ดองไว้ตั้งแต่ทำงานอยู่มาเลย์ 555555 เพิ่งอ่านจบเอาปี 2016 เท่อ่ะ..
ปล. เล่มนี้ไม่ได้เอาไปรวมในลิสด้วย เพราะดองไว้นานเกิน...




ต่อด้วยความบ้าคลั่งของปีนี้จากงานสัปดาห์หนังสือ เดือน เมษา...




ไปจัดมาพอขำๆ(นี่ขำแล้ว?).. แต่เสียตังค์ไม่ขำเลยค่ะ!!  (ในกองนี้มีหนังสือให้น้องๆด้วย..)



**ต่อไปจะเป็นหนังสือที่อ่านจบโดยเรียงไทม์ไลน์+รูปใน IG และก็อบๆ แคปชั่นเอาค่ะ..5555**


 'ชายหนุ่มหลุมข้างๆ' & 'สุ(ข)สานของครอบครัว' 

จัดมาจากบูธ เอิร์นเนสกำมะหยี่


สนุกแบบผู้ใหญ่มาก เราชอบเรื่องราววัย สว.เสมอ..555555 ความชานเมืองของยุโรป(สวีเดน)และเรื่องเรียลนี่มันถูกจริตมาก.. มีความน่ามคานกับตัวเอกในเรื่องทัศนคติแบบ เอ้อออ คนยุโรปก็หัวโบราณอะไรเบอร์นี้...และชีวิตที่คิดว่าอยากเป็นชาวฟาร์มสโลว์ไลฟ์นี่ไม่ใช่เรื่องน่าพิศมัย 

(ซึ่งไม่มีในหัวแน่วนอล..5555) #กอดเดซิเร่ 





'เจ้าสาวที่กลัวสวย' power bride 

จากบูธบันบุ๊ค..ความเด๋อคือ เข้าใจว่าเป็นบูธแซลมอนมาตลอด อดเจอนักเขียนเลย!

เป็นเล่มที่หยิบมาเพราะชื่อหนังสือ(และสเตตัสของคนเขียน5555) 

และก็ไม่ผิดหวัง เพราะมีความเรียล(แหงสิ จากเรื่องจริงนี่!)และตลกมาก.. คุณนิดนกนี่คนจริงมาก เป็นหนังสือที่คนจะแต่งงานน่าจะต้องอ่าน 

(และคนที่จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย... นี่ควรอ่านเล่มนี้ก่อน ตอนเพื่อนจะแต่ง..) 


ซึ่งไม่ต้องแซวค่ะ 555 จุดนี้ไม่เกี่ยวกับการอ่านเล่มนี้ของดั้น จริงๆอยากได้อีกเล่มที่เป็นภาคต่อของเล่มนี้ด้วยแต่วันนั้น หนังสือยังไม่มา..





สนธิสัญญาฟลามิงโก
อีกเล่มจากบันบุ๊ค

ไม่ได้อ่านหมวด'นวนิยาย'(ไทย) มานานมาก ปกติเป็นติ่งงานแปล เคยอ่าน 'คนแคระ'ก็ไม่จบ 'ไส้เดือนตาบอดฯ' ก็ยังไม่อ่าน(สักที) รอบนี้ ปกกะชื่อหนังสือดึงดูดจริงๆ และก็ไม่ผิดหวัง!!! เจ๋ง ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้ ดีเกินเบอร์ที่คิดไว้มาก มีความแนวที่ตลกร้ายสุด ดูเล่มบางแต่สนุกอ่ะ รู้สึกได้อ่านหนังสือ(อะไรของแก) ชอบอ่ะ ชอบจนต้องตามล่าหาเล่มก่อนหน้าของคุณ 'จิราภรณ์' มาอ่าน...


#ความลับของเราจะได้ถึง20วัตต์มั้ยนะ?  #ที่แน่ๆSI-RIจะไม่ได้อะไรจากชั้นนน



เพราะเราอยู่กันบนโลกคนละใบ Ura version


เล่มนี้ ดีย์มาก ชอบมากกกก เราอินมา ทำไมถึงได้แต่งเรื่องราวโมเดิร์นแบบนี้ได้ตั้งนาน ทั้งๆที่บ้านเราเพิ่งมีกระแสเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง

นี่คือความต่างของประเทศโลกพัฒนาแล้วสินะ..(เดี่ยวๆ..นี่ไม่ใช่ประเด็นปะ?) อ่านเรื่องนี้เลยต้องเพิ่มป้า 'เรย์โกะ' ไว้กลุ่มเดียวกับป้ากล้วย... (จะเป็นทาสผลงานของป้าๆในทุกเล่มไป... ว่าแล้วก็จิ้มเล่มก่อนหน้านี้ไว้ในตะกร้าออนไลน์..) ชอบที่เรื่องมีความจับทางไม่ถูกในช่วงแรกๆและรู้จักเล่าเรื่องในแบบเรื่องสั้น สร้างมิติในตัวละคนให้ซับซ้อนและดูย้อนแย้ง... แต่จบได้แบบ... แอร๊ยย!! ยัยบ้า!! #กอดน้าซุซุโกะแน่น

มีความ สว ที่ดีย์... นี่ป้าเรย์โกะคือมุราคามิภาค ญ หรือเปล่า...




'เพลงรัตติกาลรักในห้วงคะนึง' NOCTURNES


 มี 5 เรื่องสั้นที่อ่านได้เรื่อย..เรื่อย..เรื่อยยย มีความอินกับนักดนตรีแบบที่เข้าไม่ค่อยถึงเยอะมาก ทำให้กว่าจะอ่านจบนี่แบบ เลื่อนไปอีกก แต่ชอบบทสรุปของทุกเรื่องนะ มันก็เรียลดีตามน้ำ ฮี่..






มหาศึกชิงบังลังก์: มังกรร่อนระบำ 5.1, 5.2 , 5.3

ภาค 5 นี่ มีความลีลาในการอ่านมาก เพราะกลัวค้าง เนื่องจาก ปู่มาร์ตินยังไม่ปล่อยเล่ม 6 ออกมาเลย.. 
แต่ช่วงที่อ่านนี่ พอดีกับที่ซีรี่ส์ฉายอยู่
ตอนอ่านเล่ม 5.2 จบนี่ 

เลย
รู้เลยว่า ไทม์ไลน์ในหนังสือกับซีรี่ส์ต่างกันมากๆแล้ว และเล่ม5 ก็เป็น ไทมไลน์เดียวกับเล่ม4 มีความเข้มข้นในพาร์ทตัวละคร 
_
และส่วนตัวเป็น #ทีมมาร์เทล .. แต่เหมือนปู่จะแกล้งเลยอ่ะ ทำไมต้องทำให้ดูเหมือนชาวดอร์นเป็นพวกเด๋อด้วย... เมื่อไรจะเป็นทีของดอร์นสักที

แต่พอ่าน 5.3 จบ กรี้ดดดดด ขันทีวาริสและแล้วก็แกนี้เอง..!!!! นี่มันสุดติ่งไปเลยค่ะ พินาศกันไปให้หมดเลยค่ะ!..555555555 สนุกมากกกก ปู่รีบออกเล่ม 6 มาเลยนะ!!!!!!






หลังไปงานหนังสือและอ่านเล่มบางๆจบ เราก็มีการสั่งหนังสือเพิ่มค่ะ... ดี๊ดี





เป็น 2 เล่มก่อนหมดเดือนเมษายน...เดือนนี้อ่านเยอะกว่าปี่ที่แล้วทั้งปีอีก. สองเล่มนี้ เป็นผลงานเล่มก่อนของคุณ จิราภรณ์( 'สนธิสัญญาฟลามิงโก' ) ทั้ง 'ทานยาหลังอาหารและดื่มน้ำตามากๆ' และ 'เขตการปกครองมายองเนส' เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ทั้งคู่.. อ่านสนุกมาก ตัวละครแต่ละเรื่องมีความติสสูง...ชอบ!..555555 



จากนั้นก็ผันตัวมาเป็นติ่งคุณวิหวา ก็มีไปฟอลในเฟสพี่เค้าด้วย...



คินดะอิจิ ตอน กระดิ่งลมหัวคน

สารภาพว่าอ่านปฐมบทมาหลายเดือนแล้ว มึนไทม์ไลน์ในเรื่องมาก อ่านไม่จบสักที... แต่ก็อ่านจบ..พอมาต่อปัจฉิมบทวางไม่ลงเลยจ้า 
ปกติไม่เก็บหนังสือคินดะอิจินะ เพราะมีหลายเล่มเกิน.. ถ้าเริ่มเก็บนี่ต้องตามหาจากหนังสือมือสองอย่างเดียวล่ะ แต่ก็อ่านเล่มดังๆคดีหนุกๆอยู่ พอรู้ว่า #talent1 ตีพิมพ์ตอนสุดท้ายเลยคิดว่า เก็บไว้ดีกว่า..
 
สำหรับตอนนี้ สมเป็นคดีที่เอามาปิดฉากจริงๆมีความซับซ้อน ความยาวนาน(ยี่สิบปี!) มีความโหด มีความสะเทือนใจ แต่ก็คิดว่าเรื่องคุณยายยาโยอินี่มันยังไม่สุด...



'The Rosie project & The Rosie effect ' 


สนุกมากก เริ่มอ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ -เข้าใจเลยว่าทำไมบิลเกตถึงแนะนำเรื่องนี้!..555 -ดอน และโรซี่ คือคนยุคนี้จริงๆ ยิ่งเล่ม2 นี่แบบ อะไรมันจะพลิกไปมาได้ขนาดนี้...


ชอบความเป็นมนุษย์คลั่งวิชาการของดอนมาก และความเปรี้ยวของโรซี่ คือเป็นอะไรที่ม่ามม 5555สนุก ตลกและเอาใจช่วยมากๆ ฮื่อ..


the apprenticeship of bigtoe p ฉัถามหาหน้าตาของความรัก


เรื่องไม่มีอะไรเลยนอกจากความเวิ่นเว้อของคาซึมิ!.. 5555555 ป้าเรย์โกะนี่ สุดติ่งไปเลยยยยยย ทำไมถึงแต่งเรื่องได้แฟนซีล้นๆอะไรแบบนี้...55555 ปล.เราชอบความลิลลี่ในหนังสือของป้าเรย์โกะเสมอ..ฮาาาา




เด็กชายในชุดนอนลายทาง : the boy in the striped pajamas


แม้จะมีบางจุดที่รู้สึกว่า ทำไมมันไม่รัดกุมเลย?..แต่ก็เข้าใจพ้อยที่คนแต่งจะสื่อนะ และความเป็นวรรณกรรมเด็ก มันเลยสะเทือนใจมาก ;_;




เดอะเซอร์เคิล The circle 

จบแล้ว.. สนุก แม้จะมีจุดที่พิมพ์ผิดให้ขัดลูกกะตาบ้าง..55555 | เป็นเรื่องที่พล็อตดีมาก เข้ากับยุคเลย แต่เอาจริงก็ไม่ได้เซอร์ไพร์กับพล็อตแนวนี้ในยุคนี้เท่าไรแล้วนะ.. แต่อ่านไปก็อินอยู่ดี เพราะมันใกล้ตัวมาก.. เราสามารถซ้อนภาพ เซอเคิลเป็น g+ หรือ facebook ได้... และอิชั้นก็นึกถึงชุมชุนอย่าง ซิลิคอนวัลเลย์มาก..(เหมือนเคยไป..5555)
ความสุดโต่งมันพีคมากๆ รู้สึกแย่กับเม มากๆที่ถล้ำตัวไปได้ขนาดนี้ (และคอยสบถอยู่ตลอดเวลา..) ..หวังว่า Facebook และ google จะไม่ไปถึงขั้นนั้น.. (55555) //แต่บ้านเราอาจจะไม่รองรับถึงขั้นนั้นก็เป็นได้..อุ๊ปส์~..55555
ชอบตัวเมอร์เซอร์มาก ไม่น่าเลย 😭 / อ่านจบอยากเห็น เอ็มม่าเล่นเรื่องนี้แล้วอ่ะ! // ปล.จริงๆอ่านพาร์ทbook I จบมาพักใหญ่ล่ะ..









แครอล Carol 


และแล้วก็สามารถบากบั่นอ่าน เรื่องนี้จนจบ..5555555 (ด้วยความที่เป็นงานเก่ามาก สำนวนจึงเก่าด้วย ฮือ ต้องปรับจูนหนักมาก!.. )
---
| เทรีสในหนังสือ (หรือเธอรีซ/เทเรซในหนัง..) เด็กมากกก รู้สึกเลยว่าเด็กกว่า เว่อร์ชั่นหนังมาก เด็กที่นี้คือความคิด มีความงอแง อาจจะเพราะเป็นหนังสือเลยรู้ความคิดนึกของนางมากกว่าก็ได้..แต่ๆ รูนีย์ เล่นออกมาดีมากจริงๆ.. หนังสือกับหนังต่างกันหน่อยในช่วงกลางๆเรื่องตอนพวกนางไปเที่ยว.. ทำให้เข้าใจความเจ็บปวดเทรีสได้ดี

ส่วนแครอล... ป้าเคจคือคนที่เหมาะสมจริงจริง รักป้าา..555555 
อ่านไปล่ะแบบ เคสมาดีจริงๆ






ไซเบอร์เลิฟ :reverse 
ไปคุ้ยมาจาก งานหนังสือภาคใต้ 


เรื่องนี้เป็นปี2007 และมีแปล พิมพ์ปี2008เลย ไวมากๆ.. นี่ไปคุ้ยจากกองหนังสือเก่าในงานหนังสือ... เจอเล่มที่ยังไม่ได้อ่านของ บลิส ก็มักจะซื้อมาทุกที orz /คิดถึงจัง |เรื่องนี้อ่านตอนนี้ก็เกินการเปรียบเทียบที่ว่า ถ้ายุคนี้..(8ปีให้หลัง) เราจะยังสร้างคาเรกเตอร์สมมติหรือในเรื่อง เรียกว่า 'เน็ตโอคามะ' ได้อีกไหม ในเมื่อเรามีช่องทางสืบค้นตัวตนได้ง่ายมากเลยเดี๋ยวนี้.. (ดูอย่างเคสแอร์กราบ../เด่วๆ) จะหาคนคุยทางเน็ตอย่างเดียวยากมากอ่ะ อย่างน้อยต้องรู้เฟส ไลน์ ไอจีแล้ว.. ต้องเห็นหน้ากันบ้าง และถ้าจะปลอมตัวกันในยุคนี้ต้องแบบ เทพมาก5555 ..แต่ทั้งนี้ โดยแก่นเรื่องระหว่างเพศที่จะสื่อ กลับคิดว่า มันใหม่มากๆและเท่มาก..5555 ชอบ... แต่ก็รุ้สึกสั้นไปนิด.. | บ่นไร.. 



Revenge  : เรือนร่างเงียบเชียบการบอกลาเย็นเยียบน่าขยะแขยง

เลเวลความเงียบเชียบและเย็นเยียบค่อยๆไต่ขึ้นมาที่ละนิดๆ ตามเรื่องที่อ่านจบ... ความขยะแขยงก็เริ่มก่อตัวขึ้น..จนถึงตอนที่เราอ่านหน้าสุดท้ายจบ... สตั้นไปแปปว่าจบงี้อ่านะ... แล้วนึกย้อนถึงเรื่องที่อ่าน น่าขนลุกจริงๆ... มนุษย์มีความน่ากลัว 😱 #revenge #yokoogawa | ฮื่อ..สนุก..เกลียดตัวเองที่ชอบอะไรแบบนี้.....



84 charing cross road : ร้านหนังสือเลขที่84ถนนแชริงครอสส์ 


ดีย์มากกก ประทับใจมากกก อินมากกกก... ชอบการตอบโต้กันผ่านจดหมายของเฮเลนกับทุกคนมากก(โดยเฉพาะแฟรงค์;-;) รู้สึกผูกพันธ์.. | เห็นเล่มบางๆนี่ สาระแฝงเยอะมากอ่ะ.. ได้รู้เรื่องประวัติศาสตร์ไปได้ด้วย | นี่ถ้ารู้เกี่ยวงานวรรณกรรมคลาสสิค ไรงี้คงอินกว่านี้...5555




'วันที่มาร์นีไม่อยู่' where marnie was there : 


เป็นที่พูดถึงมากตอนที่ จิบลิ เอามาทำเป็นหนังอนิเมชั่น แต่ยังไม่ได้ดูสักที จนลืมไปแล้ว..พอมีหนังสือก็มา ก็รีบพรีออเดอร์เลย (แต่ถึงมือช่วงที่จะมีสอบพอดี..😂) เข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงชอบกัน พล็อตเรื่องและการเล่าเรื่องแบบอังกฤษหรือตะวันตกนี่ ให้ความประทับใจแบบอุ่นๆเสมอ 
เป็นหนังสืออีกเล่มที่ดี ชอบความ(ใส)บริสุทธ์ของตัวละครทุกตัวเลย..555555
ภูมิหลังอันนาเล่นเอาร้องไห้เลย.. ฮื่ออ .
.
|ปล.อ่านจบแล้วถึงกับหยิกแขนตัวเองพร้อมบ่นว่า #แกจะลิลลี่คู่ยายหลานไม่ได้! 555555 |

 | บทส่งท้ายดีงามมากๆประทับใจมาก





ครบ 23 เล่มม่ะ... นี่ยังมีเล่มที่กำลัง อ่านๆๆๆ อยู่ แต่ยังไม่จบอีก 4 เล่มได้...



ตามนั้นล่ะค่ะ....


จบการรีวิว 


555555555555555555555


วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Japan 1st Time Pt.3 (Nagoya & 2nd Nagaya)








สวัสดีค่ะ...  (ความจริงแล้ว เอนทรี่นี้เค้าร่างไว้ตั้งแต่เดือนมีนา..ก่อนไปญี่ปุ่นรอบที่สามเมื่อเดือนเมษาแล้ว..5555555 แต่ยังไม่เสร็จ เพิ่งจะมาเขียนให้เสร็จนี่แหล่ะค่ะ...)

มาอัพต่อ.. เอนทรี่ซีรี่ส์(?..55555)ของ JP 1st time ซึ่งตอนนี้ เราจะได้นั่งชินคันเซนแล้วค่ะ! จากต้นทาง โอซากะ ไปยัง นาโกยะ

**จริงๆแล้วเมือง นาโกยะ เราไปมา2ครั้งล่ะ.. คือไปรอบพ.ค.(JP 1st time) และก็ได้ไปตามหาหัวใจ..(>/////<) คนเดียว เมื่อตอนพฤศจิ  ดังนั้น พาร์ทนาโกยะ นี้เราจะเสริมๆในรอบโซโล่ทริปของเราด้วย..


ความเดิมจากตอนที่แล้ว >>จิ้ม<<
หลังจากเดินเที่ยวเก็บตก Osaka กันขาบวมเป้งแล้ว...  วันที่ 4 ของทริปนี้ เราก็จะย้ายไปอีกเมืองค่ะ



เช้าวันที่ 4 (25/5/14)เราก็ทำการเช็คเอ้าท์ รร. แล้วนั่งรถไฟไปที่ สถานี Shin Osaka เพื่อทำการต่อรถไฟชินคันเซนเข้าเมืองนาโกยะค่ะ


จากที่เคยอ่านรีวิวมา เหมือนว่าเวลาเราจะนั่งชินฯ เราจะต้องไปจองก่อนอย่างน้อย1วัน ซึ่งเมื่อวานหลังจากที่กลับจาก เกียวโต พวกเราก็เข้าไปที่ออฟฟิศเพื่อจะทำการจองตั๋วรถไฟ แต่ทาง จนท. ก็บอกว่าสามารถมาซื้อตั๋ววันที่จะเดินทางได้เลยค่ะ

ดังนั้น..เราเลยไปซื้อตั๋ววันนี้เลย




หน้าตาของตั๋วชินคันเซนค่ะ เป็นแบบ Reserved

ตํ่วชินคันเซน Osaka-Nagoya 6350 yen
ที่เราจะนั่งไปเป็น HIKARI 518 เป็น Shinkansen N700 ค่ะ.. ถ้ามี JR pass ก็ขึ้นคันนี้ได้..









คลิปรีวิวตอนที่น้องชินวิ่งค่ะ... ถ่ายจาก google map และนอกหน้าต่าง..




ตื่นเต้นมากเลยค่ะะะ บ้านนอกบ้านนาเข้ากรุงสุดๆ 55555555 ในที่สุดก็ได้นั่งรถไฟที่เคยอยากนั่งล่ะ.. 
ฟินเป็นการส่วนตัวล่ะ... ยัยคุณน้องนี่ นั่งๆไปก็หลับ..

ขบวนที่เรานั่งไปนี่เหมือนจะวิ่งที่ความเร็วประมาณ 200km/hr.. ไม่แน่ใจ ถ้ารุ่น Sanyo ไรนี่มันจะได้ความเร็วสูงสุดที่ 320 km/hr ...มั้งนะ และรถไฟจะแวะทุกสถานีหลักๆ อย่างเกียวโตด้วย จึงใช้เวลาเดินทางถึงนาโกยะ ประมาณ 50+- น.!!  (ยังนั่งไม่คุ้มค่าตั๋วเลย!!!...)


**osaka ถึง nagoya นี่ ~170 +- km มั้ง

ปล.รอบล่าสุดที่ไป ซื้อ JRpass 7 วันด้วย ฮรี่ๆ

มาถึง Nagoya station



ชานชลาที่นาโกยะ ก็จะประมาณนี้...ก็เดินลากๆกระเป๋าเข้าสถานีค่ะ...
และด้วยความที่ด๋อย เราสองคนพี่น้องเลยเดินออกมาจากสถานี..  ไปฝากกระเป๋ากับโรงแรมก่อน


/จริงๆ จากสถานีจะเดินตามทางซับเวย์ก็ได้นะ ไม่รู้จะเดินท้าลมหนาวจากข้างนอกทำไม...




เดินออกมาจากสถานีก็จะเจอตึกแบบนี้... 


ตอนไปก็จะเป็นช่วงก่อสร้าง จะเจอป้ายโฆษณาของ สาวๆ SKE48  กรี๊ดดดด *โบกมือกับมาโดกะจัง*



เดินๆมาประมาณ 4-5 น. ก็ถึง รร. ค่ะ ที่นี้พวกเราพักที่  toyoko inn nagoya-eki shinkansen-guchi  
toyoko inn nagoya-eki shinkansen-guchi  รูปจากเว็บ รร.


หลังฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปลุยลัลล้าในเมือง นาโกยะ.... เริ่มแรกก็ลงไป subway ก่อน..
ที่นี้ จะมีพวกเอาท์เล็ต ตามซับเวย์เยอะมาก...คือมีให้เดินได้เรื่อยๆตลอดทาง Sakuradori line เลยทีเดียว



สำหรับการเดินทาง เราก็พึ่ง app Rail Map Lite Nagoya  แบบเดียวกับที่ใช้ที่ Osaka นั้นแระ

เป็นappที่ดีงามมากๆ 
ก่อนเดินทาง เราก็ทำการซื้อตั๋ว 1 day pass

บัตร Subway+bus Nagoya 1 day pass วันหยุดเสาร์ทิตย์ราคา 600เยน ถ้าวันปกติ จะอยู่ที่ 840เยน
ขอเล่าเรื่องการซื้อตั๋วหน่อย คือตอนแรกจะไปหา Tourist information center แต่ไปๆมาๆ ดันไปสถาบันสอนภาษาต่างชาติได้ไงไม่รู้ 5555555 สุดท้ายก็ งกๆเงิ่นๆ อยู่ที่ หน้าเครื่องขานตั๋วสถานี Kokusai center
คุณลุงเจ้าหน้าที่ สถานีก็เอ็นดู... เลยมาถามไถ่ พยายามช่วยมากๆ และแนะนำให้ซื้อตั๋ว วันเดย์พาส นี่แหล่ะ พร้อมอธิบายว่าใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน และก็บัสเลยนะ  ตั๋วนี้ คุณลุงเดินไปเอามาให้จากในออฟฟิศเลย ไม่ได้กดจากเครื่อง  ประทับใจมากๆ ใจดีสุดๆ น่ารักกกกก  >< 






*-*

เป้าหมายแรกของเราวันนี้คือไปเยือน ปราสาทนาโกยะ ก็นั่งรถไฟใต้ดินไปเนี่ยแหล่ะ  แต่ครั้งแรกไปลงผิดสถานีดดันไปลงที่ Meijo-Koen ซึ่งมันอยู่ไกลกว่ามาก แต่ที่สถานีมีป้ายบอกว่าถ้าจะไปปราสาทให้นั่งน้อนกลับเพื่อไปลงสถานี Shiyakusho แต่ที่สถานี Meijo นี่ เราดันทำบัตร 1 daypass ตกหาย... เลยต้องซื้อใหม่ ซึ่งๆๆ... เจ้าหน้าที่ ที่สถานีน่ารักมากกกกกกก สวยมาก ใจดีและบริการดีสุดๆ..ประทับใจแรงๆ 555555 ><  (คนบ้านเมืองนี้หน้าตาดีมากๆ...)

แล้วเราก็มาถึง สถานี Shiyakusho ค่ะ ขึ้นมาบนดินก็จะเป็นงี้..





สามรูปนี้เป็นตอนไปรอบ2 เมื่อเดือน11นะ เลยเห็นใบไม้เป็นสีๆ เพราะเป็นช่วงใบไม้ร่วงแล้ว..^^

ก็จะเห็นว่า แถวนี้จะเป็นที่ตั้งของพวกสถานที่ราชการ อะไรงี้...

พอเข้าไปในปราสาท ก็จ่ายค่าตั๋วเข้าราคา 500เยนมั้ง..แต่เรามีบัตร 1 daypass ก็จะได้ส่วนลดด้วย เหลือ 400 เยน


เข้ามาข้างในก็จะมีร้านค้าขายของเต็มไปหมด  ตอนที่ไปเจอกับขบวนนักแสดงประวัติศาสตร์พอดี.. 



เลยนั่งดูการแสดงแบบ งงๆ...ฮ่าๆๆๆ ไปจองที่ไม่ทัน..นี่นั่งดูจากข้างหลัง555555555  คนเยอะมาก เฮกันดังมาก สนุกสนานดี คนญี่ปุ่นแถวๆนั้นก็ไนซ์ดีมากอ่ะ
แต่ก็ดูไม่จบนะ..รีบเที่ยวมากเพราะนัดกับพี่ไว้ที่คาเฟ่SKE48 ..... กลัวจะเลทเลยเที่ยวแบบเร่งๆ 55555


ตอนที่ไป ปราสาทหลังเล็ก(?) ปรับปรุงอยู่ แต่ก็มีอาคารชั่วคราวให้เข้าไปดูนะ ก็มีจัดพวกของสำคัญๆ เสมือนในปราสาทหลังนั้นไว้ ซึ่งกลิ่นไม้ฉุนมาก....ฮา





และก็มาที่ส่วนของอาคารหลัก... เราไม่ได้อ่านประวัติอะไรมากอ่ะ เดินเข้าไปดูให้คุ้มตํ๋วเล็กน้อย..LOL











ปราสาท นาโกยะนี่จะเล็กกว่าของโอซากะนะ สวยน้อยกว่าด้วย ดูขาดการดูแลไปนิดหน่อย... แล้วตอนที่ไปซากุระมันร่วงหมดแล้วอ่ะ เลยไม่ค่อยมีไรเท่าไร  (แต่ไปช่วงใบไม้ร่วงก็โอเคอยู่นะ สวยดีๆ)



หลังจากทั่วชะเง้อและรีบเร่งแล้ว เราก็เดินทางไปย่านซาคาเอะ เพื่อไปลั๊ลล้าที่ตึกซันไซน์อันเป็นที่ตั้งของเธียเตอร์และคาเฟ่ของวงไอดอลที่เราชอบ >///<  SKE48 นั่นเอ๊งงงงงง~
หมายเหตุ. ตั้งแต่นี้ไปจะเป็นพาร์ทที่แสดงความติ่ง ไม่มากไม่น้อยนะคะ ทำใจอ่านกันนิสสสนุง...ถถถถ

ตอนที่ไปก็เป็นช่วงเวลาของการเลือกตั้งซิงเกิลที่ 37 ของ AKB48 หน้าตึกก็จะมีโปสเตอร์เลือกตั้งของเมมเบอร์ทั้งตระกูลแปะไว้..



สารภาพเลยว่าที่ตั้งใจมาเมืองนี้เพราะอยากมาเยือนสถานที่นี้..5555555555 #ไอติ่ง     ที่นี้เราได้นัดรุ่นพี่คนนึงไว้ เค้าเป็นทั่นประธานแห่งสมาคมม่าไม่ยุ่งมุ่งแต่โม่ยนั่นเอง...



ซึ่งวันที่ไปนั่นสาวๆมีงานจับมือ เธียเตอร์เลยปิด.. T_T เข้าไปถ่ายรูปติ่งๆไม่ได้
แต่ครั้งที่สองที่ไปนั่น.....><


แล้วเราก็ขึ้นไปชั้น3ของตึก..ไปนั่งชิวๆที่คาเฟ่สาวๆค่ะ...

หน้าคาเฟ่..... ภาพเบลอแรง..5555 

โต๊ะที่นั่งก็จะมีลายเซ็นของเมมเบอร์ขีดๆ เขียนๆไว้...  
วันที่ไปนี่จำได้ว่าคนไม่ค่อยเยอะเท่าไร คงไม่งานจับมือกัน..

 
เมนูที่สั่งนี่...ถ้าจำไม่ปิดจะเป็นของ ฟุรุฮาตะ นาโอะ.. ที่เลือกเพราะคิดว่ามันเป็นอะไรที่พอกินได้ที่สุดล่ะ 5555555555 เมนูของไอดอลนี่มันน่ากลัวนะคะ!... เราต้องเซฟตัวเอง..




และเมื่อเราสั่งพวกเครื่องดื่ม เราก็จะได้สุ่มที่รองแก้วลายเมมเบอร์ด้วย เราสามคนสั่งกับครบเลยได้มาสามลาย เป็น ยูริอะ,ฮารุทามุ  และ...พี่ฟุ โอชิเมมของดิฉันเองงงง กรี๊ดดดดดดด

ซึ่งได้มาก็ไม่รองแก้วกันหรอกนะคะ!! เสียของ!!! 555555555



ก็กินๆเม้าส์ๆเวิ่นๆ ส่องเมด(?) เดินดูของในช็อปก็เย็นมากล่ะ.. ทั่นประธานก็ขอตัวกลับเพราะต้องตีตั๋วชินคันเซนเข้าโตเกียวอีก..  ก็เซย์กู๊ดบายกัน  ส่วนเราสองพี่น้องก็ไปหาอะไรหนักท้องทานค่ะ

เพราะทั้งวันยังไม่ทานอะไรเป็นเป็นมื้อหลักเลย


หลังจากที่ศึกษาทำการบ้านมา เราก็รู้ว่าที่ย่านนี้จะมีมีร้านอาหารอินโดนีเซีย ที่ฮาลาลอยู่.. ซึ่งมันยังไม่เปิด 55555555   เลยต้องเตร่ๆเดินเล่นในห้างแถวนั้นไป จนได้เวลาที่ร้านเปิดค่ะ

/จริงๆระหว่างนี้ ขณะที่เช็คทวิตเตอร์ก็มีเรื่องที่ทำให้ช็อควงการค่ะ.... จากข่าวนี้ ทำให้เรานอยด์ไปเลย...เพราะทำให้อิเว้นที่จะได้ร่วมอีก5วันข้างหน้าต้องยกเลิก!! และงานจับมือ SKE48ที่จัดวันนี้เองก็ยกเลิกบุ7 ไปเช่นกัน T_T/






Shinwa Bldg. 2F
3-9-1, Sakae, Naka-ku, Nagoya



กับข้าวโดยส่วนใหญ่ก็จะเหมือนกับอาหารบ้านเราค่ะ ที่สั่งก็จะเป็นเมนูที่พอนึกภาพออกว่ามันคืออะไร อีกอย่างเค้ามีภาษาอังกฤษกับภาษาอินโดกำกับไว้ด้วย... ก็พอรู้เรื่องนิดๆหน่อยๆ.. เจ้าของร้านก็อัธยาศัยดี มีชวนคุยนั่นนี่ถามว่ามาจากไหน อินโด? มาเลย์?  พอบอกว่ามาจากไทยก็ตกใจ5555555
ส่วนรสชาตก็โอเคดีนะ กินได้ รสแบบบ้านเราเลย อิ่มมากอ่ะ ฮาาา



เสร็จจากมื้อนี้ ก็เดินทางกลับ รร. ค่ะ ตอนนั้นอากาศเย็นเวอร์วี่ว่ามากก...คือมันฝนตกปรอยๆด้วย ต้องรีบเข้าไปใต้ดินกลับ รร. แล้วก็เดินๆดูพวกเอ้าเล็ทใต้ดิน


แล้วก็เดินมาถึง รร. ได้เข้าไปดูห้องพักสักที เพลียมากกกก 



สภาพห้องของ โรงแรม toyoko inn nagoya-eki shinkansen-guchi  ก็โอเคดี แอบแคบไปหน่อยแต่ก็เป็นสัดส่วนดีมาก

จบวันที่ 4 ของทริปด้วยการสลบ เพราะเหนื่อยและเพลียมากๆ....

==__== 


ต่อด้วยวันที่ 5 ของทริปนี้ (26/5/14)

ท้าวความนิดนึง เมื่อคืนก่อนนอนก็ทำการเช็คตารางสถานที่และพิกัดที่ๆจะไปเที่ยว แต่ๆ..เนื่องจากเป็นวันจันทร์.......สถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะไปกันเกิด..ปิดกันวันนี้!!! ทำให้ไอที่ตั้งใจจะไปพวกพิพิธภัณฑ์อันเป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้ ทั้งพวก พิพิธภัณฑ์รถไฟ พิพิธภัณฑ์รถโตโยต้า....ปิดหมดเลยยยยยยย   T_________T   เฟลแรง..ฮ่าๆๆๆๆ บ้าจริง!


สรุปวันนี้เราเลยนอนขึ้นอืดตื่นสายกันเล็กน้อย..55555555555555 แล้วเปลี่ยนแพลนไปเที่ยวเก็บตกพวกสถานที่เด่นๆในเมือง ตามสัญลักษณ์ใน App Nagoya railway แทน

ที่แรกที่ไปก็คือ Osu Kannon Temple โดยการเดินทางเราก็ยังใช้รถไฟใต้ดินพร้อมตั๋ว 1 daypass ซึ่งในวันธรรมดา ราคาตั๋วจะแพงหน่อย อยู่ที่ 740 เยน

ก็ไปลงที่สถานี Kamimaezu แล้วก็เดินๆใช้อากู๋แมปหาดู... ซึ่งก็แอบหลงทิศนิดหน่อยไปหลงๆแถวสุสานอีกแล้ว 5555555555  แต่ก็หาทางจนเจอล่ะนะ










ก็เป็นอีกที่นึงที่คนเค้านิยมกันมาสักการะ ขอพรอ่าเนอะ ที่นี้จะมีนกพิราบให้ได้แหย่เล่นกันเยอะมาก...


ข้างๆกันก็จะเป็น Osu Shopping เป็นเอ้าเลตตลอดทางเลย ร้านค้าน่ารักดีงามมาก จะมีพวกร้าน ขนมไทยากิ ร้านผ้ากิโมโน ยูกาตะ ราคาถูก(?) แล้วก็พวกร้านงานแฮนเมด 



ตรงนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำMV ของสามๆ SKR48 ด้วยแหล่ะ>< 





 Alice on wednesday

อิร้านนี้ไม่ได้เข้า...ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นเป็นร้านแบบไหน..555555 บ้านนอกสุด เลยเดินผ่านๆ แบบ งงๆ....เสียดาย 



หลังจากเดินๆดูของนั่นนี่ ช็อปปิ้งเล็กๆน้อยๆ.. ท้องก็เริ่มหิวล่ะ...วันนี้ตั้งใจว่าจะไปหาร้านอิตาเลี่ยนร้านนึงให้เจอ จากที่เดิมตั้งใจจะกินตั้งแต่เมื่อวาน แต่ว่าเวลาเปิดปิดร้านไม่เอื้อ...


ร้านที่จะไปก็คือ  TAXIM นั่นเอง...เป็นร้านอิตาเลี่ยน ตุรกี ฮาลาลอ่ะ..



2-15-39 Higashisakura, Higashi Ward, Nagoya, Aichi 


หลงทางและเดินวนๆอ้อมโลก อ้อมเมือง...เป็นเวลานานนนนน จนปวดขา ในที่สุดเราก็เจอป้ายร้าน!!! ซึ่งมันควรเจอตั้งแต่ปากซอยแล้ว..แต่มันเล็กมากและโดนบัง..ทำให้เราหลงไปเดินอ้อมโลกจนเข้ามาทางท้ายซอยถึงจะเจอ!!!



บรรยากาศภายในร้านก็ตกแต่งไปด้วยของจากตุรกีและก็อิตาลี ข้างในจะมืดๆหน่อย ตอนเข้าไปมีกลุ่มแม่บ้านท่าทางผู้ดีกลุ่มนึง ทานอยู่ห้องข้างใน  ที่ร้านจะมีพวกของใช้แบบอาราเบี่ยนขายด้วย..ฮาา





พวกเราเลือกเข้ามานั่งที่บาร์... เพื่อจะดูเชฟทำชัดๆ...(จริงๆยัยคุณน้องมันกรี๊ดเชฟมาก...)
แต่ๆ... เมื่อเชฟเอาเมนูมาให้ดู...คุณพระะะะ อ่านไม่ออกสักตัว เพราะเป็น ภาษาอิตาลีกับญี่ปุ่น!

ไม่รู้จะสั่งยังไง... เชฟก็พูดปะกิดไม่ได้..T_T พูดได้แต่อิตาลีกับญี่ปุ่น สงสารเชฟมาก ต้องมานั่งอธิบายให้เด็กด๋อยสองคน.... เมนูก็ไม่มีรูปด้วยมีแต่ชื่อ..555555 สุดท้ายเลยให้เชฟทำอะไรก็ได้แทน55555





เริ่มด้วยซุปถั่วกับงา จากที่พอจะจับใจความได้ก็คือ มีการใส่เครื่องเทศและปรุงแบบตุรกีมั้ง เรียกว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว รสจืดๆธัญพืชๆ
ตามด้วยแป้งโรตีหรือเรียกว่าไรเนี่ยแระ อบจากเตาแบบโบราณ ตอนดูมันพองๆนี่ตื่นตาตื่นใจมาก เชฟเสริฟมาให้แบบออกจากเตาร้อนๆเลย รสชาตก็แป้งธรรมดาแระ 55555 แล้วเชฟแนะนำให้จิ้มกับน้ำมันมะกอกที่อยู่บนบาร์อ่ะ หมักกับพวกเครื่องเทศไว้...                                        
แล้วตามด้วยสลัดน้ำมันมะกอก.... คือมีแต่เมนูแป้งๆ.. ชั้นต้องการโปรตีน... ตอนที่เชฟเสริฟมาสามอย่างนี่ ค่อนข้างเครียดล่ะ 555555 แบบ...ไม่ไหวมั้ง  เลยสั่งเพิ่ม..ก็เป็นพิซซ่าไข่กับแซนวิชปลาทอด ซึ่งก็โอเคดี แต่แป้งเยอะมาก เอือน... ถถถถถถถถ






หลังจากกินจานหลักเรียบร้อย... ก็จะเป็นของหวาน ซึ่งก็เป็นไอติมตุรกี อร่อยมากกกกก และก็ตามด้วย กาแฟดำ(ส่วนคุณน้องนางขอเป็นชา) ขอบอกว่า อิ่มและเอือนมาก... อิ่มแป้งมาก ผลจากการสื่อสารไม่รู้เรื่องเลยทำให้ได้กินเมนูที่ไม่ได้ตั้งใจจะกิน จริงๆอยากกินพวกแซลมอน คุณน้องก็อยากกินสเต็กกับพาสต้างี้มากกว่า5555 *ล๊องไห้* แต่ก็โอเคดีแหล่ะ ราคาไม่แรงอย่างที่คิด เชฟใจดีมากๆ กันเองและพยายามคุยด้วยสุดๆ  แต่สื่อสารลำบาก5555


เสร็จจากมื้อนี้ เราก็เดินๆ เตร่ๆ ให้ท้องย่อยๆ แล้วก็มาลงท้ายที่ย่านเดิมคือ ซาคาเอะ ไปเดินๆดูข้างจะช็อปปิ้ง...จริงๆ ตั้งใจจะซื้อรองเท้า...แต่ก็ไม่ได้สักที ไม่มีไซส์ T_T  55555555555

รองเท้าแบนด์ ASBee ที่สาวๆเป็นพรีเซนเตอร์



เดินๆไปเรื่อย ระหว่างนั้นก็ฝนตก...Orz จากที่คิดว่าคงไม่ต้อซื้อร่มก็ต้องซื้อ... หนาวยะเยือกมากก อากาศก็เย็นฝนก็ตก ก็เดินๆ ไปช็อปที่ LOFT นาโกยะ ที่ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่มากอีกสาขานึง มีหลายชั้นอ่ะ
ของเยอะดี...แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเท่าไร..เพราะยังต้องอยู่โตเกียวอีกหลายวัน ช็อปเยอะจะหมดตัวก่อน!


เดินๆฆ่าเวลาไปเรื่อย รอให้ค่ำจะได้กลับ รร. เพราะจริงๆคือนี้ 5 ทุ่มเราต้องนั่งไนท์บัสเข้าโตเกียว..
แต่ระหว่างที่หนาวๆ ช็อปปิ้งเสร็จแล้วนั่น...เราก็มานั่งคอฟฟี่ช็อปแถว subway Sakae
มากิน...ไอติมและน้ำแข็งไสพวกนี้....



จำร้านไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆ

กินอิ่มก็นั่งรถไฟต่อด้วยกางร่มเดินกลับ รร. ค่ะ หลังเช็คเอ้าทเสร็จ  ก็โบกแท็กซี่ เนื่องจากต้องขึ้นบัสห้าทุ่ม และก็ฝนตก เราเลยเผื่อเวลาไปให้ถึงที่คิวรถก่อน เพราะกลัวตกรถ...ก็เลยนั่งแท็กซี่ไปที่ขึ้นไนท์บัสค่ะ

แท็กซี่ญี่ปุ่นนี่ขึ้นชื่อเรื่องค่าโดยสารที่มหาโหดมาก..ซึ่งก็นั่นแระ ไม่เบาเลย เริ่มที่ 900เยนล่ะมั้งง จำไม่ได้ แต่รถนิ่มดีนะ... 


ความเฟลอีกอย่างนึงของการมาเมืองนี้คือ........... ที่ขึ้นบัส มันไม่ใช่คิวรถแบบบ้านเรา หรือว่าขนส่งอะไรเลย มันคือป้ายรถเมล์! แบบไม่มีที่นั่งและหลังคา!! และทั้งๆที่ฝนตก อากาศหนาวขนาดนั้นน.... พวกชั้นมาทำอะไรรรรร มาก่อนรถมาตั้งชั่วโมงเพื่อออออ???!!! 



เลยต้องเข้าไปใช้บริการและหาไรนั่งกินที่มินิมาร์ทตรงข้ามป้ายรถบัสแทน... มันก็โอเคอยู่หรอก แต่เนื่องจากกระเป๋าพวกเราใบใหญ่กันมาก มันกินพื้นที่ในร้าน แล้วก็ พนง.ไม่ค่อยจะแฮปปี้เท่าไร ;__;  สุดท้ายก็ต้องรีบๆกิน (มาม่ากับกาแฟ) แล้วออกมาตากลมหนาวข้างนอกร้าน (ตอนนั้นจะกรี๊ดมาก เซ็งสุดๆ หนาวจะแข็งตายอยู่แล้ว..รถก็ยังไม่มา...รู้งี้ นั่งอุ่นๆในรร. ยังจะดีกว่า ไม่น่ารีบมาเลย..)

กว่าบัสจะมานี่แทบจะแข็งตาย T_T แล้วฝนก็ยังตกปรอยๆ... ทุลักทุเลมากอ่ะ แบบเปียกทั้งคนและกระเป๋า จะบ้าตาย..


จบทริปวันนี้โดยสภาพน่าอดสูมาก...และก็นอนบนรถบัสเพื่อเข้าโตเกียว การนั่งไนท์บัสทำให้เราประหยัดค่า รร. ไป 1 คืน ประหยัดค่าตั๋วชินคันเซน..และ ประหยัดเวลาเดินทาง
ซึ่งตั๋วไนท์บัสนี่ ราคาจะอยู่ที่ คนละ 3000-3500 เยน ถ้าเป็น ชินคันเซนจะตกที่ หมื่นกว่าเยน!
สำหรับการจองตั๋วรถ ก็สามารถจองและซื้อได้จากเว็บนี้ http://willerexpress.com/en/
เราจัดการตั้งแต่ก่อนมาแล้ว สามารถเลือกที่นั่งแบบ ญ ได้ ปลอดภัย และคนขับขับดีมาก.. บนรถอุ่นมาก..ได้ตากถุงเท้า 55555555...


จบไปอีกวันแบบทุกลักทุเล... หลังจากนี้เราก็จะเข้า โตเกียวแล้วค่ะ  ซึ่งการนั่งไนท์บัสนี้ เราจะถึงชินจูกุประมาณตีห้ากว่าๆ...

ต่อกันอีกที เอนทรี่หน้าเน้อ....


สวัสดีค่ะ  ถถถถถถ



-----------------------------

แทรกเพิ่มเติม เกี่ยวกับการไป นาโกยะรอบที่สอง ช่วงใบไม้ร่วงของเรา 14-17/11/2014 ที่ผ่านมา... (5เดือนให้หลัง.. ถถถถถ)
ครั้งนี้เราไปเก็บตกงานติ่งค่ะ  ฮ่าๆๆ เรามีการรีวิวการเวิ่นเว่อของเราไว้แล้ว ที่แห่งนึง


รอบนี้ เรานั่งเครื่องบิน บินตรงจาก KL-CHIBU เลย แล้วก็ต่อรถไฟ Meiteteu เข้า นาโกย่า




 เราจองตั่งเครื่องบินพร้อม รร. ในราคาที่ดีงามมาก.. รร.ที่พัก คือ APA villa hotel marunouchi 
ซึ่งเราสามารถไปแช่ออนเซนของ รร. ได้..แต่เราไม่ได้ลองอ่ะ เขิน 555555


นี่เป็นการเที่ยวแบบคนเดียวในต่างแดนครั้งแรก ซึ่งก็เป็นที่ๆ เคยมาแล้วอ่านะ ก็เรื่อยๆ ใช้ข้อมูลเดิมๆนี่แระ แล้วมีเก็บตกครั้งก่อนเล็กน้อย...อย่างที่บอก การมาครั้งนี้มีเหตุผลอื่นมากกว่ามาเที่ยวน่ะ 555555





 ก่อนยังไป ปราสาทนาโกยะเหมือนเดิมไปเดินดู พวกใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งยังไม่เยอะเท่าไร เพราะมันช่วงต้นฤดูอ่ะ...แต่หนาวแล้วนะ..





จริงๆตั้งใจจะไปเที่ยวนอกเมืองเหมือนกัน แต่มันต้องเดินทางเยอะและนาน... คือเรามาเที่ยวไม่กี่วัน อีกอย่าง วันก่อนหน้านี้ ค่อนข้างที่จะปวดขาและหมดแรงมาก เพราะอยู่ลัลล้าในงานทั้งวัน..
เลยเลือกเดินเล่นๆ ชิวๆในเมืองดีกว่า


รอบนี้ได้ไปเก็บตกแถว นาโกยะทาวเวอร์ด้วย... เพราะรอบก่อนมันมีการปรับปรุง..เลยไม่ได้ไปแถวนี้






ตอนไปเดินเล่นแถว สวน Hisaya Odori garden Furarie ก็มีนู๋น้อยมาทักด้วย เลยได้คุยๆมึนๆกัน และของแชะรูป...อันนี้ได้รับความอนุญาตจากครอบครัวน้องแล้ว..พ่อแม่น้องน่ารักมาก สวยหล่อทั้งคู่ 5555555







ตกเย็น เราก็ไปเก็บตกที่เธียเตอร์ SKE48 รอบนี้เธียเตอร์ไม่ปิด..มีสเตจวันเกิดด้วย แต่ในเธียเตอร์เค้าปิดไฟ T_T   เลยได้รูปมาแบบมืดสุดๆ..จะขอให้เปิดไฟก็เกรงใจโอตะที่ดูจออยู่ข้างใน.... นี่เค้าให้เข้ามาถ่ายก็เกรงใจล่ะ 555555



 จากนั้นก็ไปเดินเล่นย่านนั้น มีปิดถนนคนเดินด้วย แสงสีเยอะเลย แต่ไม่ได้ถ่ายมา... อากาศหนาวสุดๆ..
เค้าเดินกันมาเป็นคู่ๆ..อิชั้นเดินหมั่นๆอยู่คนเดียว..555555



จบวันนั้นก็กลับมานอนที่ รร.  วันรุ่นขึ้น ก็เตรียมบินกลับ KL ด้วยสายการบินหางแดงอันเป็นที่รัก...(._.


หมายเหตุ. จากนั้น ก็ไม่มีรูทบินตรงไปชิบูจาก KL แล้ว... ปกติจะมีวันเว้นวัน..;_: เสียดายอ่ะ







ขอจบการเวิ่นเว่อ ทริปนาโกยะ แต่เพียงเท่านี้

ขอบคุณและสวัสดีค่ะ



ปล. ขี้เกียจตรวจมาก..พับลิคเลยได้ไหม..ฮาา

ปล.อีกที  คิดถึงญี่ปุ่นจัง T_T 

ปล.ครั้งสุดท้าย..  ปอซอๆ ชั้นมัวแต่อัพอะไรเนี่ยยยย ฮ่าๆๆๆๆ